เขาพูดจาภาษาพื้นเมืองของตัวเอง ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงกันสิบชีวิต เป็นเขาคนเดียวที่ส่งเสียงมาทักทายคนแปลกหน้า
วันหยุดของลูกเรือประมงตรงกับวันหยุดของมนุษย์เงินเดือนพอดี วันนี้ที่ท่าเรือจึงครึกครื้นไปด้วยคนมากหน้าหลายตา
เขานั่งอยู่ตรงนั้นตะโกนเสียงดังมาถามอะไรสักอย่างซ้ำอีกครั้ง เราได้แต่ยิ้มตอบและโบกไม้โบกมือเป็นภาษาใบ้ที่ตั้งใจให้แปลว่า ‘ฟังไม่รู้เรื่อง’ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจ
“เล่นเฟสบุ๊คเหรอ” เขาเปลี่ยนภาษาที่ใช้สื่อสาร แม้สำเนียงจะมีน้ำเสียงสัญชาติอื่นเจือปนก็ถือว่าฟังออก
‘ลูกเรือประมง – ต่างชาติ – เฟสบุ๊ค’ ดูเหมือนไม่น่าจะเชื่อมโยงกันได้
แม้ไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้เขาตั้งคำถามแบบนั้น เราซึ่งกำลังเดินดูเรือริมท่าก็ยิ้มตอบ
“มาถ่ายรูปค่ะ”
วงเหล้าหรือวงข้าวก็ไม่แน่ใจ สมาชิกคนอื่นๆ เริ่มหันมามอง วิญญาณในร่างผู้เป็นมิตรกับคนทั้งโลกก็สั่งการให้ยิ้มตอบ ตั้งสถานะให้ตัวเองเป็นนักท่องเที่ยว เที่ยวในดินแดนของตัวเองที่มีคนอื่นเป็นเจ้าถิ่น การผูกมิตรกับเจ้าถิ่นเป็นเรื่องดี
‘เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้’ สัญชาติญาณในร่างบอก ต่อด้วยประโยคที่ว่า ‘เขาน่าจะมีเรื่องเล่ามากมายเล่าให้เราฟัง’ ประโยคหลังนี่สัญชาติญาณแห่งอาชีพบอก
“ถ่ายรูปผมด้วย” เสียงเขาพูดขึ้นระหว่างที่เรากดชัตเตอร์ถ่ายรูปเรือประมงสีพาสเทลฟ้าขาวน่ารัก สิ้นเสียงเขาพูดวงเหล้าหรือวงข้าววงนั้นก็สลายตัว
เขายิ้มกว้างและแก้เขินด้วยการลากเพื่อนอีกคนมายืนด้วย
แตะชัตเตอร์ ยิ้มขอบคุณ และรู้สึกเหมือนว่าเราต่างกำลังสวมบททูตวัฒนธรรม
.
.
.
โรงสีแดงหับโห้หิ้น 23 ตุลาคม, สงขลา 2558